ความปรกติใหม่

เหตุการณ์ Covid-19 ทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป และตอนนี้ในประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้นมากและเริ่มจะกลับไปใช้ชีวิตปกติได้บ้างแต่ก็ไม่เหมือนเดิมซะทีเดียว เลยทำให้ช่วงนี้จะได้ยินคำนี้บ่อยมาก

พอมาคิดๆดู คำว่า New Normal หรือ New Norm. เป็นคำที่เจ๋งดี เรียบง่ายแต่เข้าใจได้ทันที

คำศัพท์นี้ถูกใช้เป็นครั้งแรกโดย Bill Gross ในปี ค.ศ. 2008 แนวคิดเรื่อง New Normal ช่วงแรกไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่ เพิ่งจะมาพูดถึงกันมากในไม่กี่ปีนี้

ไปไหนมาไหนเราต้องเตรียมอุปกรณ์มากขึ้น หน้ากากผ้า เจล-สเปรย์แอลกอฮอล์ล้างมือ เข้าออกที่ไหนก็ต้องเช็คอิน-เช็คเอ้าท์ตลอด การใช้ชีวิตต้องมีสติและมีขั้นตอนมากขึ้น อาจจะยุ่งยากขึ้นจากเดิม โดยเฉพาะมนุษย์เอื่อยๆอย่างเรา แต่เดี๋ยวก็คงปรับตัวและชินไปเอง 🙂

แต่ถึงจะกลับมาใช้ชีวิต(เกือบ)ปกติ แต่จริงๆทุกคนคงรู้ว่าไม่เหมือนเดิมหรอก และต่างจากเดิมมากด้วย เพิ่งไปCity Mallย่านพระราม2มา ปกติไปที่นี่บ่อยอยู่นะ วันธรรมดาจะรถน้อยคนน้อยแต่วันนี้ที่จอดโล่งมาก ชั้นที่จอดก็จอดคันเดียวเลยน้อยกว่าปกติมากๆ ในMallก็ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ เงียบเชียบ เราก็รีบซื้อของรีบกลับ

ในวันที่ไม่อยากไปโรงพยาบาล(แต่ต้องไป)

วันนี้มีนัดต้องไปตรวจความดันที่โรงพยาบาล(ที่จริงเลยวันนัดมาหลายวันละ โทรเลื่อนแต่ต้องไปแล้วเพราะยาหมดแล้ว) บอกตรงๆว่าไม่ค่อยอยากออกจากบ้านเท่าไหร่ ถึงสถาณะการณ์โรคระบาดในบ้านเราจะลดลงมากๆ(วันนี้มีคนตรวจพบว่าติดโรค1คน)

แต่ก็ไม่อยากออกไปที่คนเยอะๆอยู่ดี เพราะต้องเจาะเลือด รอผลตรวจ ต้องใช้เวลาอยู่ที่โรงพยาบาล ที่สำคัญไม่อยากออกจากบ้านเลยช่วงนี้…ร้อนมาก จะ40องศาอยู่ร่อมร่อ อยู่ในบ้านยังแทบแย่


สุดท้ายก็ต้องไป…เพราะยาหมด ไปถึงโรงพยาบาลก็ไปจอดที่ลานจอดรถที่จอดบ่อยๆ แต่วันนี้ไม่มีรถรับส่งต้องเดินไปเอง -_-‘ แดดแรงมาก ถึงโรงพยาบาลก็มีวัดไข้ซักถามอาการด้านหน้า พอเข้าโรงพยาบาลได้ก็ตามขั้นตอนปกติ จนไปเจาะเลือดและรอผล รอพบคุณหมอ ดีที่วันนี้คนไม่เยอะมาก มีที่พอให้นั่งรอ และที่นั่งโรงพยาบาลก็กั้นไว้ให้นั่งที่เว้นที่ พอเสร็จแล้วก็รีบกลับบ้าน ไม่ใช่อะไรนะ ร้อน กลับไปอาบน้ำ 🙂

ของฝากจากแม่

ตื่นมาตอนเช้า มีmessageเข้ามาที่โทรศัพท์ ว่าจะมีพัสดุส่งมา งงๆว่าเราไปสั่งซื้อสั่งของอะไรตอนไหนฟ่ะ หรือละเมอซื้อของเล่นอะไรไป เลยเข้าเว็บบริษัทส่งพัสดุสีส้ม และเอาเลขที่พัสดุค้นหา…

สรุปเป็นพัสดุส่งมาจากที่บ้านนครสวรรค์ ส่งมาเมื่อวาน งงๆว่าใครส่งอะไรมาให้ เลยโทรกลับไปหาแม่ พอแม่รับสายก็คุยกันเรื่องทั่วๆไป และก็เข้าเรื่องถามว่าแม่ส่งพัสดุมารึเปล่า แม่บอกว่าส่งผลไม้มาให้ เพราะคงยังไม่ได้กลับบ้านอีกนานแน่ๆ กลัวผลไม้จะสุกหมดซะก่อนเลยส่งมาให้ (ปกติจะไปเยี่ยมแม่บ่อยๆ ช่วงนี้อย่างที่รู้ๆกัน ไปไหนแทบไม่ได้ เรื่องข้ามจังหวัดยิ่งยาก)

แม่เป็นมนุษย์ที่Low Technologyมาก ใช้Lineไม่เป็น ส่งSMSไม่ได้ ซื้อSmartphoneให้ใช้ ก็ใช้แค่โทรออกกับรับสาย และการไปส่งพัสดุก็ไม่น่าจะถนัดนัก และยังต้องขนมะม่วงลูกใหญ่ๆ4ลูก และส้มแผ่น(มะม่วงกวน)อีกสองถุง ขี่จักรยานไปไกลเพื่อมาส่งของให้…คิดถึงแม่มาก

30 Days Later

อยู่บ้านเก็บตัวมาได้หนึ่งเดือนเนื่องจากสถานะการณ์ที่เป็นอยู่ ตอนนี้ก็เหมือนจะเริ่มอยู่ตัว ไม่ใช่ดีขึ้นแต่เหมือนเริ่มจะเข้าใจในชีวิตมากขึ้น ปล่อยวางได้ระดับนึงแล้ว คิดไปก็เครียดเปล่าๆ 🙂

ตอนนี้ของกินของใช้ก็เริ่มจะหมด จึงต้องออกเดินทางออกไปซื้อของเข้าบ้าน ไม่ได้ไปสถานที่คนเยอะๆมาเกือบเดือน มีรายการของที่ต้องซื้อเยอะ เลยต้องทำลิสท์ของต้องซื้อก่อน จะได้รีบซื้อรีบกลับ

พอเที่ยงก็รีบออกทันที(รอเช็คก่อนว่ามีงานรึเปล่าค่อยออกไป) จัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันตัวไปเต็มที่ หน้ากากผ้า แผ่นกรอง แอลกอฮอล์ล้างมือ แว่นตา …เป็นการไปซื้อของที่ตื่นเต้นครั้งนึงในชีวิตเลยนะ(ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น ก็เก็บตัวตลอด อาจจะดูโอเว่อร์ไปรึเปล่า ผมมีโรคประจำตัว ถ้าติดมาจะแย่เลยต้องระวังตัวเองให้มากกว่าปกติ)

ไปห้างสีเขียว(เข้ม)เพราะใกล้ที่สุดละ และของก็น่าจะได้ตามต้องการ คิดว่าคนน่าจะน้อย พอเข้าลานจอดรถถึงกับอึ้ง ทำไมรถเยอะจังฟ่ะ แต่พอเข้าไปในห้างคนไม่เยอะมาก มีพอเห็นบ้าง และที่ดีคือของมีเยอะ ไม่เหมือนช่วงแรกที่โรคเริ่มระบาด ของเริ่มขาดแคลน แต่วันนี้ของเยอะเลือกซื้อได้สบาย 🙂

ซื้อของเรียบร้อย โดนไปเยอะเพราะซื้อไว้เผื่อหลายวัน(ไม่อยากออกบ่อยๆ) เก็บของที่รถ แวะซื้อข้าวและก็รีบกลับบ้าน ถึงบ้านก็รีบเปลี่ยนชุด อาบน้ำ นั่งหน้าคอมพ์แบบเหงาๆต่อไป

Life on the Road

ไม่ได้ไปไหนหรอกคับ เคยเป็นคนที่ขับขี่รถทุกวัน ทุกวันจริงๆ วันที่ไม่ได้ออกถนนในปีหนึ่งๆไม่รู้ถึงสามวันรึเปล่า

ช่วงนี้ต้องเก็บตัว เลยแทบไม่ได้แตะรถเท่าไหร่ อย่างมากก็ไปสตาร์ทรถให้เครื่องยนต์มันเดินบ้าง แล้วได้แต่ยืนมองรถแบบเหงาหงอย เพิ่งรู้สึกตัวว่าเป็นคนติดการขับขี่มาก…อยู่บ้านนานๆเบื่อกว่าที่คิดนะเนี่ย

ช่วงเหตุการณ์ปกติ ทุกๆเสาร์ อาทิตย์ได้ออกไปแง๊นๆละ แต่ทุกวันนี้ได้แค่สตาร์ทรถและยืนดู(รถ)ยืนฟัง(เสียงเครื่องยนต์) ได้แต่คิดและหวังให้มันผ่านไปเร็วๆ

สงกรานต์ปีนี้ไม่เหมือนปีที่ผ่านๆมา

อย่างที่รู้ๆกัน งดกิจกรรมทุกอย่าง ผมไม่เล่นน้ำสงกรานต์มาเป็นสิบปีแล้ว แต่เสียดายที่ไม่ได้ไปเยี่ยมแม่เหมือนทุกปี แต่ปีนี้ก็ยังได้สรงน้ำพระนะ 🙂

Alcohol Addict

ไม่ได้ติดสุราหรืออะไรหรอกคับ แต่เป็นคนที่ต้องล้างมือและทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์มานานแล้ว ก่อนที่จะเกิดโรคระบาด พอเกิดไวรัสCOVID-19ระบาด ทำให้อุปกรณ์ประเภทนี้ขาดตลาดอย่างมาก(หน้ากากอนามัย, เจลล้างมือ, แอลกอฮอล์, etc.) หลังๆหาแอลกอฮอล์สำหรับล้างแผลยากมากหาไม่ได้(บอกไปแล้วว่าเป็นเด็กอนามัยต้องล้างมือบ่อยๆ) เจอมีแต่ขายออนไลน์และราคาก็แรงมากๆ ปกติซื้อ450mlจากเคยซื้อขวดละ32บาท(ราคาที่ฉลาก60บาท)ขายกันขวดเกือบ200บาท

จู่ๆก็ไปเจอข่าว “โครงการ KTIS สู้โควิด แอลกอฮอล์ 70% ราคาเพื่อสังคม” มีรายชื่อตัวแทนจำหน่ายให้ด้วย หาที่ใกล้บ้านได้3ที่ แต่ลองติดต่อไป ที่นึงไม่ตอบ ที่นึงคุยๆก็เงียบไป อีกที่ต้องรอคิว หลังจากรอมา2-3วัน ที่ๆจองคิวไว้ก็บอกว่ามีแอลฮอล์มาแล้ว(ซี.เอ. โฟล์คลิฟไทย) แต่จำกัดซื้อได้บัตรประชาชนละ 10L (5L x2) รู้สึกว่าเยอะไปเลยหาคนหาร พอได้คนร่วมหารก็สั่งจำนวนไป

นัดวัน และสอบถามวิธีรับของและชำระเงิน พอถึงวันก็ขับรถเดินทางไปรับของที่บริษัทที่เป็นตัวแทน ถึงจะอยู่ใกล้บ้าน แต่ก็ไกลพอสมควรเข้าไปลึกมมาก อากาศก็ร้อนมาก ขนาดขับรถยังร้อน ถ้าขี่มอเตอร์ไซค์ไปคงตัวไหม้แน่ๆ ไปถึงเลี้ยวรถเข้าไปก็เจอทันที เพราะเค้าเอาเต็นท์มากางตั้งเด่นอยู่ข้างหน้าเลย จอดรถเรียบร้อยก็ลงไปซื้อแอลกอฮอล์ เก็บของขึ้นรถแล้วก็ขับรถกลับแบบงงๆ…นี่เรามาซื้อแอลกอฮอล์ล้างแผลหรือซื้ออะไรฟ่ะ ดูลึกลับซับซ้อน หลายขั้นตอนมาก 5

Work from Home

ตอนนี้สถานะการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19เริ่มมากขึ้นในประเทศไทย หลายๆภาคส่วนเริ่มให้อยู่บ้าน เพื่อลดการระบาดของโรค


ไม่คาดคิดว่าในรอบชีวิตเราต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เหมือนในภาพยนต์ที่ดูบ่อยๆ แต่พอเกิดกับชีวิตจริงแล้วมันไม่ได้สนุกแบบในหนัง ออกจะน่ากลัว และเซ็งๆ 😦

1วัน2โรงพยาบาล

วันนี้มีนัดคุณหมอ ต้องไปตรวจโรคประจำตัว(ความดันโลหิตสูง) ช่วงนี้สถานะการณ์covid-19ในบ้านเราค่อนข้างน่าวิตกมากขึ้น ซึ่งก็ควรระวังๆกันไว้น่ะดีแล้ว

พอไปถึงโรงพยาบาล จอดรถเรียบร้อย ก็นั่งรถรับส่งระหว่างลานจอดรถไปที่โรงพยายบาล พอจะเดินเข้าทางเข้าก็มีคุณพยาบาลพุ่งมาขวางเราไว้เลย แล้วมาขอวัดไข้และสอบถามว่าเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงมารึเปล่า วัดอุณหภูมิแล้วไม่มีไข้และไม่ได้มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ก็ติดสติ๊กเกอร์สีเขียวที่เสื้อ และเข้ามาในโรงพยาบาลได้ พอเข้ามาแล้วไปเคาท์เตอร์ต้อนรับก็มีการสอบถามว่ามีไข้ ไอ ติดต่อกับคนต่างชาติหรือเดินทางไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยงมารึเปล่า…ดูมาตราการของโรงพยาบาลค่อนข้างรัดกุมดีคับ ดูแล้วปลอดภัยระดับนึงเลย 🙂

วันนี้พอเจอคุณหมอ ปกติก็คุยเรื่องผลตรวจและวิธีใช้ชีวิตในช่วงที่ผ่านมา ปกติก็คุยกันประมาณ15นาที ครั้งนี้ก็เช่นเดิม แต่หลังจากคุยเรื่องอาการป่วยก็คุยกับคุณหมอเรื่องcovid-19กันอีกนาน คร่าวๆคุณหมอเองก็ยังหาหน้ากากอนามัยยากเลย ของเราเองก็แทบจะหมดที่มีอยู่แล้ว หลังจากนี้ก็คิดๆว่าถ้าสถานะการณ์ไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง จะเอายังไงต่อดี

หลังจากนอนเล่นอยู่โรงพยาบาลอยู่นาน(เจาะเลือด รอผลแล็ป รอพบแพทย์ รอยา) ก็ออกจากโรงพยาบาล ไปธุระ2-3ที่ และแวะกินข้าวเย็น กินข้าวเย็นแล้วรู้สึกคันคอและไอ เลยแวะโรงพยาบาลที่มีสิทธิ์ประกันสังคมก่อนกลับบ้านดีกว่า อย่างน้อยก็เอายาไปกินซักหน่อย

แต่ที่โรงพยาบาลที่มีสิทธิ์ประกันสังคม ไม่มีจุดคัดกรอง ไม่มีสอบถาม คือเดินเข้ามาได้เลย ไปยื่นบัตร รอวัดไข้วัดความดันแล้วรอพบแพทย์ เลยทำให้คิดว่าจริงๆในบ้านเรามันไม่มีเหตุการณ์อะไรระบาดหรอก คิดกันไปเอง วิตกจริตไปเองรึเปล่า?

หลังจากเรียบร้อยก็กลับบ้านดีกว่า เพราะเข้ามานานมากแล้วที่จอดรถจะปิด มาถึงโรงพยาบาลหกโมงครึ่ง เสร็จสี่ทุ่มครึ่ง คุยกับคุณหมอ15วินาที และได้ยาแก้ไอกับยาแก้แพ้มาอย่างละหนึ่ง(ยาลดไข้ ยาแก้เจ็บคอ หมด!)

ตื่นตระหนกหรือชะล่าใจไปรึเปล่า

ต้นเดือนก็ไปทำธุระที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ย่านพระราม2 ช่วงนี้สถานะการCOVID-19ถือว่ารุนแรงขึ้นมาทันที เพราะมีคนเสียชีวิตแล้ว1คน(ขอแสดงความเสียใจด้วยคับ) ปกติวันหยุดสุดสัปดาห์คนจะเยอะมาก ที่จอดรถต้องวนหานาน วันนี้คนน้อย ที่จอดรถเยอะ
เสร็จแล้วก็ไปซุปเปอร์สโตร์แถวบ้านซื้อของเข้าบ้านตามปกติตามประสาพ่อบ้าน ที่นี่ก็คนน้อยกว่าปกติ(สุดสัปดาห์ต้นเดือนปกติคนเยอะ)และของก็ไม่ค่อยมี ไม่แน่ใจว่าคนมาซื้อของกักตุนกันเหมือนในข่าวเหมือนต่างประเทศรึเปล่าไม่รู้ เพราะเห็นคนที่มาซื้อของส่วนใหญ่ซื้อของแห้ง อาหารกระป๋องกันเกือบทุกคน