ในวันที่ไม่อยากไปโรงพยาบาล(แต่ต้องไป)

วันนี้มีนัดต้องไปตรวจความดันที่โรงพยาบาล(ที่จริงเลยวันนัดมาหลายวันละ โทรเลื่อนแต่ต้องไปแล้วเพราะยาหมดแล้ว) บอกตรงๆว่าไม่ค่อยอยากออกจากบ้านเท่าไหร่ ถึงสถาณะการณ์โรคระบาดในบ้านเราจะลดลงมากๆ(วันนี้มีคนตรวจพบว่าติดโรค1คน)

แต่ก็ไม่อยากออกไปที่คนเยอะๆอยู่ดี เพราะต้องเจาะเลือด รอผลตรวจ ต้องใช้เวลาอยู่ที่โรงพยาบาล ที่สำคัญไม่อยากออกจากบ้านเลยช่วงนี้…ร้อนมาก จะ40องศาอยู่ร่อมร่อ อยู่ในบ้านยังแทบแย่


สุดท้ายก็ต้องไป…เพราะยาหมด ไปถึงโรงพยาบาลก็ไปจอดที่ลานจอดรถที่จอดบ่อยๆ แต่วันนี้ไม่มีรถรับส่งต้องเดินไปเอง -_-‘ แดดแรงมาก ถึงโรงพยาบาลก็มีวัดไข้ซักถามอาการด้านหน้า พอเข้าโรงพยาบาลได้ก็ตามขั้นตอนปกติ จนไปเจาะเลือดและรอผล รอพบคุณหมอ ดีที่วันนี้คนไม่เยอะมาก มีที่พอให้นั่งรอ และที่นั่งโรงพยาบาลก็กั้นไว้ให้นั่งที่เว้นที่ พอเสร็จแล้วก็รีบกลับบ้าน ไม่ใช่อะไรนะ ร้อน กลับไปอาบน้ำ 🙂

1วัน2โรงพยาบาล

วันนี้มีนัดคุณหมอ ต้องไปตรวจโรคประจำตัว(ความดันโลหิตสูง) ช่วงนี้สถานะการณ์covid-19ในบ้านเราค่อนข้างน่าวิตกมากขึ้น ซึ่งก็ควรระวังๆกันไว้น่ะดีแล้ว

พอไปถึงโรงพยาบาล จอดรถเรียบร้อย ก็นั่งรถรับส่งระหว่างลานจอดรถไปที่โรงพยายบาล พอจะเดินเข้าทางเข้าก็มีคุณพยาบาลพุ่งมาขวางเราไว้เลย แล้วมาขอวัดไข้และสอบถามว่าเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงมารึเปล่า วัดอุณหภูมิแล้วไม่มีไข้และไม่ได้มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ก็ติดสติ๊กเกอร์สีเขียวที่เสื้อ และเข้ามาในโรงพยาบาลได้ พอเข้ามาแล้วไปเคาท์เตอร์ต้อนรับก็มีการสอบถามว่ามีไข้ ไอ ติดต่อกับคนต่างชาติหรือเดินทางไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยงมารึเปล่า…ดูมาตราการของโรงพยาบาลค่อนข้างรัดกุมดีคับ ดูแล้วปลอดภัยระดับนึงเลย 🙂

วันนี้พอเจอคุณหมอ ปกติก็คุยเรื่องผลตรวจและวิธีใช้ชีวิตในช่วงที่ผ่านมา ปกติก็คุยกันประมาณ15นาที ครั้งนี้ก็เช่นเดิม แต่หลังจากคุยเรื่องอาการป่วยก็คุยกับคุณหมอเรื่องcovid-19กันอีกนาน คร่าวๆคุณหมอเองก็ยังหาหน้ากากอนามัยยากเลย ของเราเองก็แทบจะหมดที่มีอยู่แล้ว หลังจากนี้ก็คิดๆว่าถ้าสถานะการณ์ไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง จะเอายังไงต่อดี

หลังจากนอนเล่นอยู่โรงพยาบาลอยู่นาน(เจาะเลือด รอผลแล็ป รอพบแพทย์ รอยา) ก็ออกจากโรงพยาบาล ไปธุระ2-3ที่ และแวะกินข้าวเย็น กินข้าวเย็นแล้วรู้สึกคันคอและไอ เลยแวะโรงพยาบาลที่มีสิทธิ์ประกันสังคมก่อนกลับบ้านดีกว่า อย่างน้อยก็เอายาไปกินซักหน่อย

แต่ที่โรงพยาบาลที่มีสิทธิ์ประกันสังคม ไม่มีจุดคัดกรอง ไม่มีสอบถาม คือเดินเข้ามาได้เลย ไปยื่นบัตร รอวัดไข้วัดความดันแล้วรอพบแพทย์ เลยทำให้คิดว่าจริงๆในบ้านเรามันไม่มีเหตุการณ์อะไรระบาดหรอก คิดกันไปเอง วิตกจริตไปเองรึเปล่า?

หลังจากเรียบร้อยก็กลับบ้านดีกว่า เพราะเข้ามานานมากแล้วที่จอดรถจะปิด มาถึงโรงพยาบาลหกโมงครึ่ง เสร็จสี่ทุ่มครึ่ง คุยกับคุณหมอ15วินาที และได้ยาแก้ไอกับยาแก้แพ้มาอย่างละหนึ่ง(ยาลดไข้ ยาแก้เจ็บคอ หมด!)

ถนนพระราม2ยาวแค่ไหนลองไปวัดดู

รถมอเตอร์ไซค์สตาร์ทไม่ติด คิดว่าน่าจะแบตไม่มีไฟ เข็นไปจั๊มไฟแบตรถยนต์ พอสตาร์ทติดคิดว่าจอดเดี๋ยวก็ดับอีกออกไปขี่ซักครึ่งชั่วโมงประจุไฟใหม่ซักหน่อยละกัน

เอาสายจั๊มไฟผูกท้ายรถไปด้วย เผื่อไม่ติดจะได้อุ่นใจ ขี่จากบ้านไปได้ซักพักไปถึงหน้า Big C พระราม2 การจราจรก็ติดๆเพราะรถจอดรับ-ส่งคนเยอะ เราขี่อยู่เลน2 เพราะเลนแรกมีรถแท็กซี่จอดกันยาว ขี่ตามรถกระบะมา อยู่ๆรถกระบะเบรคกระทันหัน(กระทืบเบรค รถแท็กซี่ตัดหน้าจากเลน3ไปเลนแรกเพราะมีคนโบก อันนี้ลุงจ่าเล่าให้ฟังทีหลัง) เราก็เบรคทันที แต่ไม่ทันรถพุ่งไปท้ายรถกระบะทันที เราเสียหลักละเพราะเบรคกระชั้นชิดมากเลยหักรถลงพื้นจะได้ไม่ชนรถกระบะ ไถลไปกับพื้นทั้งคนทั้งVespa นอนนิ่งสนิทอยู่หลังรถกระบะ ตอนนี้รถหยุดหมดทุกเลน เหมือนหยุดเวลาเลย

พอตั้งสติได้รีบลุกมาดูรถทันที ห่วงรถ มีพี่ผู้ชายขี่รถมอเตอร์ไซคมาจอด แล้วบอกเดี๋ยวยกรถให้ๆ ขอบคุณมากเลยคับ ลุงจ่าแกเดินมาพอดีเล่าว่ารถตัดหน้ารถกระบะ พร้อมกับบอกให้เข็นรถเข้าริมฟุตบาทก่อน เพราะการจราจรติดมาก รถกระบะก็ขับเลยไปหน่อยเข้าไหล่ทางและไปซื้อน้ำซื้อน้ำแข็งมาให้ประคบแผล ลุงจ่าเดินมาถาม

ลุงจ่า : ไปชนโดนกระบะรึเปล่า
เรา : ไม่โดนคับ เกือบ ผมเอารถลงพื้นก่อน
ลุงจ่า : ดีนะไม่ใช่วัยรุ่นถ้าเป็นวัยรุ่นน่ะชนท้ายไปแล้ว
แล้วเดินมาตบรถ บอกรถแข็งมากนะเนี่ย ซักพักก็วิทยุเรียกรถกู้ภัยมา ซักพักก็มีรถกู้ภัยวิ่งย้อนศรมารับ
ลุงจ่า : ขับย้อนมาเลยรึไง
กู้ภัย : ผมอยู่เลยไปนี่เอง นึกว่ามีคนเจ็บหนักเลยรีบมา
กู้ภัย : ไปชนโดนกระบะรึเปล่า
เรา : ไม่โดนคับ เกือบ ผมเอารถลงพื้นก่อน
กู้ภัย : ok งั้นพี่ไปโรงพยาบาลกับผม รถพี่เดี๋ยวให้น้องผมขี่ตามไป

แล้วเราก็ไปนั่งหน้าที่รถกู้ภัย แล้วก็ไปโรงพยาบาลอย่างไวโดยมีน้องกู้ภัยขี่รถเราตามมา พอไปถึงโรงพยาบาลก็หาเอกสารพรบ. เล่มรถ พอเอกสารเรียบร้อยก็ไปเอ็กซ์เรย์ ทำแผล หมอเข้ามาสอบถาม และให้นอนดูอาการ1-2คืน ก่อนจะขึ้นห้องพักน้องกู้ภัยเอากุญแจมาคืนและบอกว่ารถพี่ขี่นิ่มมากเลยคับ

ได้นอนห้องรวม(2เตียง) พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยซักพักก็มีประกันภัยมา(วิริยะ)รวดเร็วมาก สอบถามเหตุการณ์และลงไปดูรถแล้วก็ไป โรงพยาบาลนี้ไม่รู้จักมาก่อน เล็กๆแต่ดูสะอาดและทันสมัยดี พยาบาลก็ดูแลดีมาก แต่ตอนกลางคืนนอนไม่ค่อยหลับเจ็บแผลและเสียงรถพยาบาลวิ่งเกือบทั้งคืน อยู่โรงพยาบาลก็นอนๆนั่งๆไปวันๆ เบื่อๆไม่ค่อยมีอะไรทำ ไปทำกายภาพ ล้างแผลทำแผล กินยา ฉีดยา

หลังจากหมอมาดูอาการ เคลียร์เอกสารเรียบร้อยก็ได้ได้กลับบ้านซักที แต่ก็ยังไม่กลับแวะกินติ่มซำก่อน55 เรียบร้อยก็ขี่รถกลับบ้าน ขี่ไปก็เกร็งๆเพราะเจ็บแผลด้วย กว่าจะถึงบ้านเล่นเอาเหนื่อย

update : ออกจากโรงพยาบาลมาไม่กี่วันก็ขับรถต่อได้เลย
update : ครบ1เดือน ตอนนี้แผลแห้งหมดแล้ว เหลือข้อเท้าที่เดียวเกือบแห้งแล้วนะ